นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ตั้งจุดบริการซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้าน รถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์การเกษตรขนาดเล็ก ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ โดยให้จังหวัดสงขลาเป็นพื้นที่นำร่อง
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่จังหวัดสงขลาเมื่อวานนี้ เพื่อตรวจติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและนโยบายกระทรวงแรงงาน พร้อมมอบถุงยังชีพให้ความช่วยเหลือแรงงานนอกระบบ ผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากสถาการณ์อุทกภัย จำนวน 6 จุด ประกอบด้วย มัสยิดบางแฟบ ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ โรงเรียนเทศบาล 5 วัดหาดใหญ่ใน โรงเรียนบ้านควนจง วัดถ้ำตลอด องค์การบริหารส่วนตำบลปากบาง และเทศบาลตำบลบ้านนา อำเภอจะนะนั้น พบว่า ขณะนี้จังหวัดสงขลา และจังหวัดต่าง ๆ ในภาคใต้ยังมีฝนตกอยู่อย่างต่อเนื่อง สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง มีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก จึงได้มอบหมายให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน บูรณาการร่วมกับส่วนราชการในจังหวัดเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ และเตรียมจัดตั้งจุดให้บริการซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้าน รถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์การเกษตรขนาดเล็กให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยหลังน้ำลดทันที
ทางด้านของนายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กระผมได้สั่งการให้สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 12 สงขลา เตรียมจัดตั้งจุดให้บริการซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้าน รถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์การเกษตรขนาดเล็กให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย พร้อมทั้งระดมช่างไฟฟ้าที่มีมาตรฐานฝีมือแรงงานทั้งภาครัฐและเอกชน จิตอาสาในจังหวัดสงขลา และจังหวัดใกล้เคียงให้พร้อมและเพียงพอต่อความต้องการอย่างเต็มที่ ซึ่งคาดว่าจะใช้พื้นที่ของสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 12 สงขลา เป็นจุดให้บริการเป็นจุดแรก สามารถติดต่อสอบถามได้ที่เบอร์โทร 0-7433-6052
ทั้งนี้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ได้มีแผนในการให้ความช่วยเหลือ แบ่งเป็น 3 ระยะ คือระยะเร่งด่วน เป็นการให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น อาทิ นำเจ้าหน้าที่ช่วยขนย้ายสิ่งของ นำเครื่องอุปโภคบริโภค อาหารและน้ำดื่มมาแจกจ่าย ระยะที่ 2 การซ่อมแซมอุปกรณ์ไฟฟ้า ช่วยเหลือบรรเทาค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมเครื่องมือทำมาหากิน ส่วนระยะที่ 3 เป็นระยะฟื้นฟู กรมจะจัดฝึกอบรมด้านทักษะอาชีพให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน เพื่อนำความรู้ไปประกอบอาชีพ สร้างรายได้ดูแลครอบครัวต่อไป อธิบดีฯกล่าวทิ้งท้าย